บริษัท เออาร์ไอที จำกัด (“บริษัท”) เป็นศูนย์ฝึกอบรม และศูนย์ทดสอบความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้บริการด้านการศึกษา เผยแพร่ อบรม ส่งเสริมความรู้ ตลอดจนฝึกฝนทักษะความชำนาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับบุคลากรตามสายงานต่าง ๆ (“บริการ”) ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นจะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ (“ผู้ใช้บริการ” หรือ “ท่าน”) ดังนั้น บริษัทจึงสนับสนุนให้ท่านอ่านนโยบายฉบับนี้ และนโยบายของเว็บไซต์อื่นอย่างละเอียด โดยการเข้าใช้บริการแต่ละครั้ง บริษัทจะถือว่าท่านได้อ่าน ตกลงยอมรับ และได้รับทราบเงื่อนไขรายละเอียดนโยบายฉบับนี้แล้ว
1. วัตถุประสงค์
บริษัท ตระหนักถึงความไว้วางใจของท่านที่มีต่อบริการของบริษัท โดยจะรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่อยู่ในความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นจะจัดการข้อมูลดังกล่าวด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ซึ่งบริษัทได้คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของท่าน จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) ซึ่งระบุรายละเอียดในการประมวลผล การเก็บรวบรวม ใช้ จัดการ แบ่งปัน และคุ้มครองข้อมูลธุรกิจและข้อมูลส่วนบุคคล อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ รวมถึงระบุแนวปฏิบัติของบริษัทในการจัดการข้อมูลที่บริษัทได้รับ ทั้งจากผู้ใช้บริการโดยทางตรงและทางอ้อม และจากเว็บไซต์ http://www.arit.co.th ซึ่งอาจระบุลิงก์ต่อไปยังเว็บไซต์อื่น ที่อาจใช้นโยบายการจัดการข้อมูลแตกต่างออกไป
2. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใดก็ตามที่สามารถบ่งบอกตัวบุคคลของผู้ใช้บริการได้ (ไม่ว่าด้วยข้อมูลนั้นเอง หรือโดยประกอบกับข้อมูลอื่น) ได้แก่
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด หมายเลขประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขหนังสือเดินทาง ประวัติการศึกษา อาชีพ ตำแหน่ง สถานที่ทำงาน ประสบการณ์ในการทำงาน รหัสนักศึกษา ประวัติและผลการสอบ ตลอดจนรูปถ่าย ของท่าน เมื่อท่านลงทะเบียนในเว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชัน หรือเมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรม การแข่งขัน งานนิทรรศการ และการประชุมสัมมนา การสำรวจข้อมูล การจัดทำแบบสอบถาม การติดต่อหรือใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมหรือการทดสอบความรู้กับบริษัท คู่ค้า หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรศัพท์บ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน ข้อมูลผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉินหรือผู้ปกครอง อีเมล ไลน์ไอดี ข้อมูลในเฟสบุ๊ค และข้อมูลอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน
ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ที่อยู่ไอพี (IP Address) ที่ท่านใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น หรือที่บริษัทได้รับจากการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ
ข้อมูลเครดิตทางการค้าและทางธุรกิจโดยละเอียด กล่าวคือ ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินและการชำระเงินข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เพื่อประมวลผลการชำระเงินของท่าน ซึ่งรวมถึงราคา การสั่งซื้อ ประวัติและรูปแบบการชำระเงิน วิธีการชำระเงิน การออกใบเสร็จหรือใบกำกับภาษี ข้อมูลปริมาณการทำธุรกรรม และรายละเอียดการชำระเงินอื่น ๆ เมื่อท่านตกลงใช้บริการของบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้บริษัทเมื่อท่านโต้ตอบกับบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการแสดงความเห็น การซักถาม การโต้ตอบในสื่อสังคมออนไลน์ การเข้าร่วมกิจกรรม การสอบ การแข่งขัน การลงทะเบียนต่าง ๆ การเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขาย การทำแบบสำรวจ การประเมินความพึงพอใจ การทำแบบสอบถาม การส่งข้อเสนอแนะความคิดเห็นในเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชัน
ข้อมูลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางธุรกิจจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลรัฐบาล และหน่วยงานทางวิชาชีพ สื่อ และเอกสารเผยแพร่ทางธุรกิจ เนื้อหาสาธารณะที่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับอาชีพหรือความสำเร็จของท่าน ที่ปรากฏอยู่ในบทความ ข่าว สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อทางสังคมรูปแบบอื่น ๆ เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานที่ใช้บริการจากบริษัทซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมเพียงเท่าที่จำเป็นตามความต้องการของผู้ใช้บริการ หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจ ผู้ให้บริการทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต
“ข้อมูลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูล เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ลายนิ้วมือ ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น
3. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลอ่อนไหว
3.1 การจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ก่อนการดำเนินการดังกล่าวบริษัทจะให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความสั้น หรือตามแบบวิธีการของบริษัท
3.2 บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่เกี่ยวกับความสนใจและบริการที่ท่านใช้ โดยการดำเนินการดังกล่าวนี้ บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่ (1) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น (2) เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล (3) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น(4) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท (5) เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (6) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น (7) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
3.3 บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลระบุตัวบุคคลที่มีความอ่อนไหว อาทิ เช่น เชื้อชาติ สัญชาติ เพศ ศาสนา ปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ ทุพพลภาพ ความพิการ อัตลักษณ์ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ในการให้บริการบางรูปแบบแก่ท่าน เมื่อท่านสมัครใจให้ข้อมูลดังกล่าวได้ โดยบริษัทจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่จำกัดและตามที่ได้รับอนุญาตให้เก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูลดังกล่าวอย่างเพียงพอ
3.4 บริษัทจะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรม พฤติกรรมทางเพศ หรือข้อมูลที่อาจเป็นผลร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมหรือความไม่เท่าเทียมกันแก่บุคคลใด เว้นแต่ (1) ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากท่าน (2) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด (3) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น (4) เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้บริการท่านอื่น (5) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล (6) เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ
4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมด้วยวิธีอัตโนมัติ
บริษัทอาจใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อท่านใช้งานเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชัน ผ่านคอมพิวเตอร์และ/หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเทคโนโลยีอัตโนมัตินี้อาจรวมถึงคุกกี้ เว็บบีคอน พิกเซลแท็ก และเทคโนโลยีการติดตามอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน ทั้งนี้ คุกกี้และเทคโนโลยีอื่นๆ มีรายละเอียดตามจะกล่าวต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ผ่านทางเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Handle)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมในการทำกิจกรรมทางการตลาดบนเว็บไซต์อื่น ๆ หรือบนแอปพลิเคชันหรือสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อท่านได้เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายหรือแคมเปญต่าง ๆ หรือรายการอื่นในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการจัดทำประวัติ
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติผ่านการติดตามตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งาน หรือระบบปฏิบัติการ หน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม และเว็บไซต์ต้นทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ และ
ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่แน่นอน รวมถึงข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์แบบเรียลไทม์ (Real-Time) จากอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือคอมพิวเตอร์ และบริการที่บอกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ตามพื้นที่ (Location-Based Service) อาจใช้สัญญาณจีพีเอส (GPS) สัญญาณบลูทูธ (Bluetooth) และที่อยู่ไอพี (IP Address) ร่วมกับจุดบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบสาธารณะ (Wi-Fi Hotspot) และตำแหน่งเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Tower) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อกำหนดตำแหน่งโดยประมาณของอุปกรณ์ (ในกรณีที่สามารถกระทำทำได้)
5. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลง และ/หรือเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เป็นการดำเนินการเพื่อปฏิบัติสัญญา หรือเป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ที่ได้เปลี่ยนแปลง และขอความยินยอมจากท่านก่อนการดำเนินการหรือทำกิจกรรมใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ใหม่นั้น (หากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม)
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์ของท่านในการใช้บริการ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ ดังนี้
5.1 การให้บริการเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น
5.1.1 บริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อให้บริการเว็บไซต์ของบริษัทและ/หรือแอปพลิเคชั่น วิเคราะห์ทิศทางเกี่ยวกับบริการต่าง ๆ และเพิ่มความถูกต้องแม่นยำของชุดข้อมูลธุรกิจของบริษัท ตลอดจนช่วยให้บริษัทสามารถจับคู่ที่อยู่ไอพี (IP Address) กับข้อมูลติดต่อทางธุรกิจได้
5.1.2 บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่นของบริษัท และจับคู่ข้อมูลธุรกิจจากฐานข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัท และข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลที่สามกับข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทธุรกิจต่าง ๆ ที่เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่นของบริษัท และตัวเลือกเบราว์เซอร์ที่นิยมใช้ของธุรกิจดังกล่าวบนเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น เพื่อปรับปรุงบริการ เว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชั่น และธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
5.1.3 บริษัทอาจนำข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่นทั้งหมดมาใช้กำหนดรูปแบบการใช้งาน หรือความสนใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางเทคนิคหรือความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น บริการ และระบบคอมพิวเตอร์ หรือเพื่อตรวจสอบการใช้บริการที่ได้รับอนุญาต เพื่อตอบคำถามจากท่าน เพื่อการวิจัยตลาด และเพื่อปรับปรุงรูปแบบและฟังก์ชันของบริการ
5.1.4 บริษัทประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อประโยชน์ของท่าน และเพื่อให้ท่านได้ใช้บริการของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของท่าน และตามความประสงค์ซึ่งท่าน หรือหน่วยงานที่ท่านอนุญาตให้เป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านในการใช้บริการของบริษัท เช่น (1) การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการตรวจ การประกาศประวัติ และผลการสอบ (2) การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่างๆ เช่น การประมวลผล การติดต่อ การแจ้ง การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ การแจ้งเตือนชำระหนี้ หรือการติดตามทวงถามหนี้
5.2 วัตถุประสงค์ทางการตลาด
บริษัทใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ ซึ่งอาจใช้ร่วมกับข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล ซึ่งได้รับข้อมูลมาจากบุคคลที่สาม เพื่อกำหนดรูปแบบ และปรับปรุงกิจกรรมทางการตลาดโดยทั่วไปของบริษัท ให้ดียิ่งขึ้น และในกรณีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้ทำได้ บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
เพื่อรวบรวมการสั่งซื้อบริการที่มีการเข้าถึงโดยท่าน เพื่อกำหนดประเภทบริการที่ท่านประสงค์ที่จะใช้บริการ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของบริการ ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการบริการ และนำเสนอการบริการที่ท่านอาจสนใจ รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับบริการแก่ท่าน
เพื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ชำระเงิน และการทำธุรกรรมอื่น ๆ บนเว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชั่น
เพื่อจัดการสอบแข่งขันและกิจกรรมต่าง ๆ
เพื่อส่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ คูปอง ข่าวสาร และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับโปรโมชั่น หรือกิจกรรมพิเศษแก่ท่านโดยตรงไปยังท่านบนเว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชั่น โดยท่านอาจเลือกที่จะไม่รับข้อความโฆษณาบางประเภทได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้
เพื่อการทำวิจัย หรือวิเคราะห์กลยุทธ์ ในการพัฒนา ปรับปรุง ฟังก์ชันต่าง ๆ บนเว็บไซต์และ/หรือแอปพลิเคชั่น
เพื่อการติดต่อสื่อสารทางการตลาดที่เกี่ยวกับบริการจากบริษัท รวมถึงพันธมิตรของบริษัท และการใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
เพื่อจับคู่กับแหล่งข้อมูลภาครัฐและภาคเอกชน และจัดทำชุดข้อมูลโดยไม่เปิดเผยตัวบุคคล (ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ได้แก่ ข้อมูลประชากร ข้อมูลเชิงพฤติกรรม และข้อมูลทางเทคนิคที่สรุปมาจากข้อมูลพื้นฐาน) เพื่อการใช้ประโยชน์ของบริษัท และ/หรือบุคคลที่สาม
5.3 วัตถุประสงค์ทางสถิติ
บริษัทรวบรวมข้อมูลเป็นครั้งคราวเกี่ยวกับธุรกรรมออนไลน์และออฟไลน์ และข้อมูลทางทะเบียนสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลภายใน เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติเท่านั้น ซึ่งจะไม่ถูกรวมอยู่ในบริการที่จัดให้แก่ท่าน
5.4 วัตถุประสงค์ที่ท่านให้ความยินยอม
ในบางกรณี บริษัทอาจขอความยินยอมจากท่านสำหรับเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุด และ/หรือ เพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของท่าน ซึ่งรวมถึงกรณีท่านเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ ซึ่งต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) (เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม) โดยบริษัทอาจประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์จากการใช้บริการ ตามที่ท่านให้ให้ความยินยอมไว้ ดังนี้
เพื่อติดต่อกรณีเกิดปัญหา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า และเพื่อส่งมอบงานให้แก่ผู้ว่าจ้าง
เพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสาร สิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ รวมถึงการส่งข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ จัดทำการตลาด มอบรางวัล และโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่เกี่ยว ข้องกับการให้บริการตามที่จำเป็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ผู้ลงทะเบียนมากยิ่งขึ้น
เพื่อสอบถาม สำรวจความคิดเห็น และประเมินความพึงพอใจในการพัฒนาบริการ
6. การแบ่งปันและโอนข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับท่านที่บริษัทจัดเก็บในปัจจุบัน และที่จะได้จัดเก็บในอนาคต ให้แก่พันธมิตร คู่ค้า บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ ดังนี้
6.1 บริษัทมีการแบ่งปันข้อมูลให้กับผู้รับข้อมูล เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทจะกำหนดเงื่อนไขตามสัญญาให้ผู้รับข้อมูลดังกล่าวใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปิดเผยเท่านั้น และผู้รับข้อมูลจะต้องทำลาย หรือส่งข้อมูลดังกล่าวคืนเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป
6.2 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอ ตามความเหมาะสม และเป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีที่บริษัทถูกซื้อกิจการ หรือขายกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้จะถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถโอนให้แก่ผู้ซื้อกิจการได้
6.3 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ตามคำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย การไต่สวนโดยหน่วยงานกำกับดูแล หรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนดได้ นอกจากนี้ บริษัทอาจได้รับคำร้องขอ อาทิ คำสั่งศาล หมายศาล กระบวนการบังคับใช้กฎหมายจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลการให้บริการ และในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คำสั่ง แนวทาง หรือการร้องขอใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้ของบริษัท โดยไม่มีการขออนุญาตจากท่าน เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมาย โดยในการดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการ (ก) เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ประโยชน์สาธารณะ หรือการบังคับใช้กฎหมาย หรือ (ข) ตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ หรือคำพิพากษาคดีที่กำหนดหน้าที่หรือการอนุญาตไว้โดยชัดแจ้ง
6.4 บริษัทอาจปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ โดยเข้าทำข้อสัญญามาตรฐานหรือใช้กลไกอื่นที่พึงมีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ และบริษัทอาจอาศัยสัญญาการโอนข้อมูล หรือกลไกอื่นที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลก
6.5 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ พันธมิตร คู่ค้า บุคคลภายนอกที่บริษัทให้บริการ หรือในนามของบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของท่าน การประมวลผลการชำระเงิน การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดโปรโมชั่น การแข่งขัน การทำวิจัยและวิเคราะห์ทางการตลาด หรือการสำรวจความพึงพอใจของท่าน และวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งบุคคลภายนอกดังต่อไปนี้มีหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเช่นเดียวกันกับบริษัท
บริษัทในกลุ่มบริษัท เออาร์ไอที จำกัด
ผู้ให้บริการที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของบริษัท
ลูกจ้างและผู้รับจ้างที่มีหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ และข้อมูลได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละราย
พันธมิตร คู่ค้าในเครือข่ายทั่วโลก และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (Business Partners) ที่นำข้อมูลของบริษัท ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ
ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ของบริษัท
ผู้ให้บริการและผู้รับจ้างงานสนับสนุน/ช่วยเหลือ
หน่วยงานราชการ รวมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล พนักงานสอบสวน อัยการ เป็นต้น
หน่วยงานที่ใช้บริการของบริษัท หรือบุคคลที่สามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ขอให้บริษัทแบ่งปันข้อมูล
7. หลักกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล
บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานการประมวลผล ดังต่อไปนี้
7.1 ฐานความยินยอม (Consent) : ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ จัดการ รักษา และเปิดเผยข้อมูลของตนได้ตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) และข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ โดยบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการนำเสนอสินค้า บริการ หรือโฆษณาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตรงกับความสนใจกับท่าน และให้ท่านได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน รวมถึงเพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่าง ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวจะได้มาจากการให้ความยินยอมแก่บริษัทเอง หรือแก่บริษัทในกลุ่ม พันธมิตร คู่ค้าของบริษัท หรือแก่บุคคลที่บริษัทเป็นตัวแทน นายหน้า ผู้จำหน่าย หรือแก่พันธมิตรทางธุรกิจ หรือแก่บุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท ก็ตาม
7.2 ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) : บริษัทอาจต้องนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว โดยบริษัทอาจนำส่งข้อมูลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกข้อมูลที่บริษัทครองครองอยู่ได้ เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น
7.3 ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) : ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการประมวลผลข้อมูลที่เป็นไปเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อการประมวลผล การวิจัย หรือการจัดทำสถิติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของบริษัท การปรับปรุงคุณภาพของการให้บริการ การจัดทำข่าวสารประชาสัมพันธ์ การใช้คุกกี้ที่จำเป็นต่อการเข้าชมเว็บไซต์ การบันทึกเสียงทางโทรศัพท์ ภาพถ่าย/ภาพเคลื่อนไหว การบันทึกภาพกล้องวงจรปิด (CCTV) การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าของบริษัทด้วยการแจ้งเตือนหรือนำเสนอบริการต่าง ๆ ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือ การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม การสอบแข่งขัน หรือการลงทะเบียน เป็นต้น
8. การใช้คุกกี้
บริษัทใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลการล็อกอิน (Login) และล็อกเอาท์ (Logout) หรือข้อมูลอื่นในคอมพิวเตอร์ของท่านเมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ของบริษัท การตลาด และเนื้อหาในเว็บไซต์ และเพื่อให้บริการต่าง ๆ เป็นไปตามความพึงใจและความสนใจของท่าน โดยคุกกี้ทำให้บริษัทสามารถวิเคราะห์กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัทได้ อาทิ วันที่ เวลา และหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม ตลอดจนเว็บไซต์ต้นทางที่ท่าน หรือผู้เข้าชมรายใหม่เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ ป้องกันและตรวจจับการดำเนินการที่ต้องห้ามหรือไม่ได้รับอนุญาต สำหรับบริการบางประเภท บริษัทเสนอทางเลือกให้ท่านในการเก็บข้อมูลรหัสผู้ใช้หรือรหัสผ่านไว้ในคุกกี้ได้โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลดังกล่าวอีกเมื่อกลับมายังเว็บไซต์ของบริษัทในภายหลัง บริษัทอาจใช้แฟลชคุกกี้ (Flash Cookie) เพื่อแสดงเนื้อหาตามสิ่งที่ท่านดูบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อกำหนดลักษณะเฉพาะตัวในการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ เมื่อท่านเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ ของบริษัท ลงทะเบียนรับข่าวสารหรือการแจ้งทางอีเมล กรอกข้อมูลแบบฟอร์มออนไลน์ หรือกรอกแบบสอบถาม บริษัท อาจพยายามระบุเบราว์เซอร์ของท่าน และนำข้อมูลจากคุกกี้ และข้อมูลอื่นที่เก็บรวบรวมออนไลน์ไปใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท
9. โฆษณาของบุคคลที่สาม
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก ทั้งภายในประเทศ หรือต่างประเทศ เท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และฐานในการประมวลผลที่ได้แจ้งไว้ในนโยบายฉบับนี้เท่านั้น โดยบริษัทมีการใช้บริษัทโฆษณาอื่นเพื่อแสดงแถบโฆษณาของบริษัทบนเว็บไซต์ ทั้งนี้ การใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม และเทคโนโลยีติดตามตรวจสอบอื่น ๆ จะไม่อยู่ภายใต้บังคับตามนโยบายฉบับนี้ และบริษัทไม่มีสิทธิเข้าถึงหรือมีอำนาจควบคุมการดำเนินการต่าง ๆ ของบุคคลที่สามแต่อย่างใด บุคคลที่สามอาจมีการใช้คุกกี้ในคอมพิวเตอร์ของท่าน หรือใช้เว็บบีคอน (Web Beacon) เพื่อเข้าถึงคุกกี้ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ดังกล่าว และติดตามตรวจสอบการใช้งานออนไลน์และรูปแบบพฤติกรรมต่าง ๆ ซึ่งบริษัทเหล่านี้อาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อการโฆษณาบนเว็บไซต์เกี่ยวกับบริการที่อาจอยู่ในความสนใจของท่าน และคัดเลือกเนื้อหาโฆษณาให้ตรงตามความต้องการของท่านเมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์อื่น
9.1 เว็บบีคอน (Web Beacons)
ในบางกรณี บริษัทมีการใช้เว็บบีคอนเพื่อรวบรวมสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท บางเว็บไซต์ของบริษัทอาจใช้เว็บบีคอนร่วมกับคุกกี้ อีเมลของบริษัทบางฉบับอาจมีระบบติดตามที่เรียกว่าพิกเซล (Pixel) หรือรหัส (Code) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อีเมลและข้อมูลการวิเคราะห์ บริษัทอาจแบ่งปันการใช้ข้อมูลเข้ารหัสดังกล่าวกับบุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลได้
9.2 ตัวเลือกเกี่ยวกับคุกกี้
ท่านอาจลบการตั้งค่าเบราว์เซอร์เพื่อยกเลิกการใช้คุกกี้ และยังคงใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทต่อไปได้ ทั้งนี้ การเข้าถึงและการใช้งานเว็บไซต์บางลักษณะอาจช้าลงและได้รับความสะดวกน้อยลง
9.3 การตลาดทางอีเมล ทางข้อความ หรือทางโทรศัพท์
การให้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์แก่บริษัทถือเป็นการให้ความยินยอมและอนุญาตโดยชัดแจ้ง ให้บริษัทสามารถติดต่อท่านผู้ให้ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์นั้นได้ ด้วยวิธีการโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการใช้ระบบติดต่อทางโทรศัพท์อัตโนมัติ และ/หรือที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การส่งข้อความ และการส่งข้อความที่บันทึกไว้ล่วงหน้า และเทคโนโลยีอื่นในการติดต่อทางโทรศัพท์ เพื่อวัตถุประสงค์โดยชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการเสนอขายผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ ของบุคคลที่สาม
ทั้งนี้ ในการยกเลิกการรับอีเมลส่งเสริมการขาย ข่าวสาร และข้อมูลล่าสุดของบริษัท เกี่ยวกับคุณสมบัติใหม่และบริการต่าง ๆ หรือการทำการตลาดทางโทรศัพท์ ท่านสามารถแจ้งและติดต่อบริษัทผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดหรืออาจปฏิบัติตามคำแนะนำของบริษัท
9.4 การเสนอขายสินค้าโดยบุคคลที่สาม
หากข้อมูลติดต่อทางธุรกิจอยู่ในสารบบทางการตลาดของบุคคลที่สามแล้ว กรณีที่ท่านต้องการนำข้อมูลติดต่อทางธุรกิจออกจากฐานข้อมูลติดต่อท่านกับบุคคลที่สาม ท่านอาจต้องส่งคำร้องขอให้ลบข้อมูลดังกล่าวไปยังบุคคลที่สามรายนั้นโดยตรง
10. สิทธิในการได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10.1 บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุมหรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์ ภายใต้สิทธิดังนี้
สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้บริการต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย
สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
สิทธิร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
10.2 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้นจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยหากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิใด ๆ ดังกล่าวข้างต้น โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางที่ระบุในบโยบายฉบับนี่ โดยบริษัทจะตอบกลับมายังท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ บริษัทอาจคิดค่าธรรมเนียมสำหรับบริการนี้ขึ้นกับดุลพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว โดยบริษัทจะใช้ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนหรือปัญหาต่าง ๆ โดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างไรก็ตามอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ โดยบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้ โดยข้อจำกัดดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
10.3 บริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านได้ หากบริษัทหรือ พันธมิตร คู่ค้าของบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไปเพื่อการกระทำดังต่อไปนี้
เพื่อทำรายการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เพื่อการจัดหาสินค้าหรือบริการตามที่ท่านร้องขอ หรือดำเนินการตามสมควรภายในขอบเขตความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทกับท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน
เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ป้องกันการกลั่นแกล้ง การฉ้อฉล การฉ้อโกง หรือการกระทำผิดกฎหมาย หรือฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
เพื่อตรวจสอบการทำงานของผลิตภัณฑ์ เพื่อหาและแก้ไขข้อผิดพลาดที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ
เพื่อทำการศึกษาวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เชิงประวัติ หรือเชิงสถิติโดยทั่วไป หรือโดยผู้ชำนาญการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยคำนึงถึงจรรยาบรรณและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อการลบข้อมูลนั้นจะทำให้ไม่สามารถบรรลุหรือขัดขวางการบรรลุผลสำเร็จในการศึกษาวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ หากท่านได้ให้ความยินยอมแล้วก่อนหน้านี้
เพื่อใช้เป็นการภายในตามสมควรโดยสอดคล้องกับความคาดหมายของท่านที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท และสอดคล้องกับบริบทที่ท่านได้ให้ข้อมูลดังกล่าวไว้แต่แรก และ
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
11. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
11.1 บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไป บริษัทกำหนดให้ลูกจ้างของบริษัท เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดจ้างบริษัทภายนอกเพื่อดำเนินการตรวจสอบสถานะให้แน่ใจว่า พันธมิตร หรือคู่ค้าของบริษัทมีการใช้มาตรการในการเก็บรวบรวม ประมวลผล โอนย้าย จัดการ และรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอย่างเพียงพอในการให้บริการในนามของบริษัท ในการนี้ บริษัทจะมีการสอบทานและปรับปรุงมาตรการดังกล่าวตามความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานต่าง ๆ ของประเทศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
11.2 นโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตที่บริษัทดำเนินการมีดังนี้
กำหนดนโยบายและขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และตามที่อาจกำหนดเพิ่มเติมในสัญญาระหว่างบริษัทกับท่านแต่ละรายบุคคล
จำกัดสิทธิลูกจ้างในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัส ตามความจำเป็น
กำหนดให้ พันธมิตร หรือคู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัทต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบออนไลน์
ตรวจสอบประวัติลูกจ้างและจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่คณะทำงานของบริษัท และ
ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของบริษัท เป็นประจำ
12. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล
บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการตามคำขอของท่าน โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ภายใต้ระยะเวลา ดังนี้
12.1 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะสมาชิก บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่ท่านเป็นสมาชิกของบริษัท
12.2 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นลูกค้า ผู้ใช้บริการ บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บริการแก่ท่าน และจะเก็บต่อไปอีก 10 (สิบ) ปี นับแต่วันที่สิ้นสุดการให้บริการ
12.3 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นคู่สัญญา บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และจะเก็บต่อไปอีกตามอายุความ 10 (สิบ) ปี นับแต่วันที่สัญญาสิ้นสุด
12.4 กรณีการเข้าชมเว็บไซต์ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านไว้ …… (……) ปี นับแต่ที่ท่านเข้าใช้บริการบนเว็บไซต์
เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามข้อ 12.1 -12.4 บริษัทจะทำตามขั้นตอนการลบเพื่อดูแลให้มีการนำข้อมูลของท่านทั้งหมดออกจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทอย่างปลอดภัยหรือเก็บรักษาไว้ในรูปแบบที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย เช่น เพื่อความปลอดภัย เพื่อการป้องกันการละเมิดหรือการประพฤติมิชอบ หรือเพื่อการเก็บบันทึกทางการเงิน
13. ช่องทางการติดต่อบริษัท
หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เออาร์ไอที จำกัด
1023 อาคารเอ็มเอสสยาม ชั้น 8 ถ.พระราม 3 ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
traincom@ar.co.th
02-610-3099
14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
หากบริษัท มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะปรับปรุงและแก้ไขนโยบายฉบับนี้ และแสดงบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ จัดการ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูล
นโยบายฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ณ วันที่ 21 มกราคม 2564
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 21 มกราคม 2564
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการบนเว็บไซต์ ARITSkillon พัฒนาขึ้นโดย บริษัท เออาร์ไอที จำกัด เพื่อให้บริการคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (Online Education) (“บริการ”) สำหรับ บุคคล หรือองค์กรที่ต้องการพัฒนาทักษะ และศักยภาพของบุคลากร รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไป โดยเมื่อท่านตกลงเข้าใช้บริการบนเว็บไซต์ ARITSkillon นี้ ถือว่าท่านได้รับทราบและตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการแล้ว ดังนั้น ขอให้ท่านโปรดอ่านเงื่อนไข และข้อกำหนดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการนี้อย่างละเอียด หากมีข้อสงสัยกรุณาติดต่อผู้ให้บริการ
1. คำจำกัดความ
“ผู้ให้บริการ” หมายถึง บริษัท เออาร์ไอที จำกัด ในนามของเว็บไซต์ ARITSkillon
“ผู้ใช้บริการ” หมายถึง บุคคล บริษัท หรือองค์กรของภาครัฐ หรือเอกชน ที่เข้าถึง และเข้าใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น รวมถึงผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของผู้ให้บริการ
“เงื่อนไขการใช้บริการ” หมายถึง ข้อตกลง หรือข้อกำหนด เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสิทธิ และหน้าที่ของผู้ใช้บริการ
“ข้อมูล” หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่ผู้ใช้บริการ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้ใช้บริการให้ทำการแทน ได้ให้ไว้แก่ทางผู้ให้บริการ
“บริการ” หมายถึง คอร์สฝึกอบรมออนไลน์ที่อยู่บนเว็บไซต์ ARITSkillon ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอสื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์ และมีเอกสารให้ดาวน์โหลด เพื่อนำมาใช้ประกอบการอบรม
“ค่าบริการ” หมายถึง ค่าบริการคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ที่ผู้ใช้บริการตกลงยินยอมชำระตามที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บ
2. การสมัครลงทะเบียน
2.1 ผู้ใช้บริการจะต้องเป็นผู้ที่มีความคิด และความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคมอินเทอร์เน็ต และผู้ใช้บริการจะไม่สร้างความเสียหายเดือดร้อนแก่บุคคลอื่นใด ไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ค รวมถึงจะไม่กระทำการใด ๆ อันขัดต่อกฎหมาย กฎ ระเบียบของรัฐ หรือศีลธรรมอันดี
2.2 ผู้ใช้บริการจะต้องให้ข้อมูลของผู้ใช้บริการที่ถูกต้อง เป็นจริงทุกประการ และจะแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้บริการให้เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน เพื่อรับข้อมูล ข่าวสาร การแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริการ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการ ผู้ให้บริการอาจร้องขอเอกสารเพิ่มเติม ในการยืนยันข้อมูลต่าง ๆ โดยหากทางผู้ใช้บริการพบว่ามีข้อมูลไม่ถูกต้อง ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องแจ้งผู้ให้บริการทราบทันที หรือดำเนินการปรับปรุงให้ถูกต้องผ่านช่องทางที่ระบบมีให้บริการ
2.3 ผู้ใช้บริการตกลงจะรักษาอีเมล์ Username Password และ/หรือ รหัสผ่านของการลงทะเบียนใช้บริการกับเว็บไซต์ ARITSkillon ไว้เป็นความลับ และจะไม่โอนสิทธิ และหน้าที่ภายใต้ข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ หากผู้ใช้บริการฝ่าฝืนเงื่อนไข ให้ถือว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำโดยตัวของผู้ใช้บริการเอง และมีผลผูกพันผู้ใช้บริการในทางกฎหมายด้วย แม้ว่าผู้ใช้บริการจะไม่ได้ทำกิจกรรมหรือทำการใช้งานดังกล่าวก็ตาม ซึ่งผู้ให้บริการจะไม่รับผิดต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น
3. ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ
3.1 การใช้บริการจะต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการนี้ รวมถึงวิธีการ และเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ผู้ให้บริการ ได้กำหนดไว้ และจะสามารถใช้บริการได้ ก็ต่อเมื่อผู้ใช้บริการได้ลงทะเบียน ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ และยืนยันข้อมูลผ่านอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้บนเว็บไซต์ ARITSkillon
3.2 ผู้ใช้บริการได้ศึกษา และเข้าใจในคุณลักษณะของบริการต่าง ๆ ที่ผู้ให้บริการ แสดงในหน้าเว็บไซต์ ARITSkillon และผู้ใช้บริการตัดสินใจใช้บริการด้วยคุณลักษณะที่มีอยู่ และตกลงยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะมีในอนาคต
3.3 ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการ คอร์สฝึกอบรมออนไลน์ได้ นับจากวันที่ได้รับแจ้งอนุมัติให้ใช้บริการ โดยตลอดระยะเวลาดังกล่าวผู้ใช้บริการสามารถดูวิดีโอซ้ำได้ภายในระยะเวลา และเงื่อนไขที่แต่ละคอร์สเรียนกำหนด
3.4 ผู้ใช้บริการสามารถขอรับใบรับรองการฝึกอบรมออนไลน์(Certification) ได้ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่แต่ละคอร์สกำหนด โดยในแต่ละคอร์สจะออกใบรับรองได้เพียงหนึ่งใบ ต่อการลงทะเบียนหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิในการพิจารณา และกำหนดเงื่อนไข การออกใบรับรองและการสอบวัดผลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า
3.5 เนื้อหาในคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ ชื่อตราสินค้า โลโก้ และทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่แสดงในเว็บไซต์ (“ทรัพย์สินทางปัญญา”) เป็นทรัพย์สินของผู้ให้บริการ และอาจมีบางส่วนเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนด และ/หรือ ตามที่ผู้ให้บริการได้กำหนดไว้ในเว็บไซต์ โดยการให้บริการนี้ ไม่มีส่วนใดเป็นการมอบสิทธิ หรืออนุญาตให้ใช้สิทธิ์การใช้งานทั้งโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ ผู้ให้บริการ สมาชิก และ/หรือบุคคลใดที่เข้าถึงเว็บไซต์ เพื่อทำสำเนา ลอกเลียนแบบ อ้างสิทธิ กรรมสิทธิ์ และใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาได้ ทั้งสิ้น
3.6 ในการใช้ หรือเข้าถึงบริการ ผู้ใช้บริการตกลงที่จะปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ และกฎหมายที่บังคับใช้อื่นๆ โดยผู้ใช้บริการตกลงที่จะไม่ใช้โรบอต สไปเดอร์ หรืออุปกรณ์อัตโนมัติ เครื่องมือ ซอฟท์แวร์ หรือกระบวนการใด เพื่อเฝ้าติดตาม คัดลอก ปรับปรุง แก้ไข ดัดแปลง ปรับเปลี่ยน ให้เช่า ขาย อ้างอิง แจกจ่าย เผยแพร่ ส่งต่อ แสดงแก่สาธารณะ ซึ่งเนื้อหาในเว็บไซต์ หรือทรัพย์สินทางปัญญา โดยไม่ได้รับคำยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้บริการ
4. ข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ
4.1 ผู้ให้บริการ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยินยอมให้ผู้ให้บริการ นำข้อมูลดังกล่าวข้างต้น รวมถึงประวัติการใช้งานกับทางเว็บไซต์ ARITSkillon ไปเป็นฐานข้อมูล เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานทางธุรกิจของผู้ให้บริการ
4.2 ผู้ให้บริการ ไม่รับรองผลลัพธ์ หรือผลสำเร็จใด และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียและ/หรือ ความเสียหายใด ๆ (ไม่ว่าทางธุรกิจ หรืออย่างอื่นใด) ที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นจากการที่ผู้ใช้บริการมุ่งหวัง หรือประสงค์ที่จะได้รับจากการใช้บริการเว็บไซต์ ARITSkillon
4.3 ผู้ให้บริการไม่รับประกันว่า การบริการจะไม่มีสะดุด เว้นแต่การให้บริการอาจเกิดข้อผิดพลาดจากสาเหตุสุดวิสัย เช่น ภัยธรรมชาติ ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตขัดข้อง การก่อการร้าย อัคคีภัย เป็นต้น
5. วิธีการชำระเงิน
5.1 ผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินค่าบริการของ ARITSkillon ได้ โดย วิธีการชำระเงินต่อไปนี้
1) บัตรเครดิต
2) การชำระเงินสด
3) การโอนเงินผ่านธนาคาร
ทั้งนี้ สำหรับกรณีการชำระเงินผ่านช่องทางเงินสด หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร บริษัทขอสงวนสิทธิพิจารณาตรวจสอบและอนุมัติอย่างน้อย 1 (หนึ่ง) วันทำการ
5.2 ผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนวิธีการชำระเงินที่ต้องการได้ต่อเมื่อเปลี่ยนก่อนทำการชำระเงินเท่านั้น ผู้ให้บริการจะไม่รับผิดชอบและจะไม่รับผิดใดๆ ต่อความสูญเสียหรือความเสียหายแก่ผู้ใช้บริการอันเกิดจากการโอนเงินไม่ถูกต้อง
5.3 ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงินค่าบริการที่ผู้ใช้บริการได้ชำระแล้วคืนให้แก่ผู้ใช้บริการทุกกรณี
6. การต่ออายุการใช้บริการ
เมื่อใกล้ถึงกำหนดหมดอายุการใช้งาน ผู้ให้บริการ จะติดต่อผู้ใช้บริการเพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการทำการต่ออายุการใช้บริการได้ก่อนหมดอายุการใช้บริการ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ติดต่อกับผู้ให้บริการ เพื่อแจ้งความประสงค์การต่ออายุการใช้บริการ หรือ การไม่ต่ออายุการใช้บริการ ดังนั้น หากผู้ให้บริการ ไม่ได้ติดต่อ หรือไม่สามารถติดต่อผู้ใช้บริการได้ และผู้ใช้บริการไม่สามารถต่ออายุการใช้บริการได้ทันตามกำหนดเวลา ผู้ให้บริการ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดขึ้น หรือ อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใช้บริการหรือบุคคลใด ๆ อันเป็นผลมาจากการหมดอายุการใช้บริการ หากผู้ใช้บริการไม่ได้ชำระเงินต่ออายุการใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้บริการ จะถือว่าการใช้บริการของผู้ใช้บริการได้สิ้นสุดเมื่อหมดอายุการใช้บริการ
7. การยกเลิกการใช้บริการ
7.1 ผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกการใช้บริการก่อนครบกำหนดระยะเวลาได้ โดยส่งอีเมล์แจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการใช้บริการมาได้ที่ traincom@ar.co.th
7.2 กรณีครบกำหนดระยะเวลาการเข้าใช้บริการตามคอร์สนั้น ๆ หรือผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บริการก่อนครบกำหนด ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถเข้าใช้บริการในคอร์สนั้นได้อีก
7.3 เมื่อตรวจพบการผิดเงื่อนไข ฝ่าฝืนหน้าที่ตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ ผู้ให้บริการจะงดการให้บริการทันที โดยไม่มีการคืนค่าบริการใดๆ และไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ ผู้ให้บริการจะไม่รับผิดชอบความเสียหายใดอันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าวทั้งสิ้น
7.4 ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ให้ใช้บริการในลักษณะดังต่อไปนี้
ละเมิดเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ หรือทรัพย์สินทางปัญญา ของผู้อื่นในทุกประเทศทั่วโลก
ผู้ใช้บริการกระทำการไม่เหมาะสม ขู่คุกคาม การโกง การแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ใช้บริการอาจเข้าใช้เว็บไซต์ ARITSkillon โดยมีเจตนาทุจริต
ผู้ให้บริการไม่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการทำ Commercial Mass Emailing หรือ “Spamming” ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น การส่งโฆษณาไปยังอีเมล์ผู้อื่นโดยผู้อื่นไม่ได้ขอ หรือ ส่งไปยัง Newsgroups User การส่งอีเมล์โดยใช้ที่อยู่ส่งกลับที่ไม่มีจริงทางด้านธุรกิจ การส่งข้อความลูกโซ่เพื่อจะทำให้เกิดการตอบกลับจำนวนมาก และการส่งข้อความซ้ำๆ เดิมๆ ไปยังผู้อื่น เป็นต้น
หากผู้ให้บริการ เห็นว่าผู้ใช้บริการไม่ปฏิบัติตาม กฎระเบียบ เงื่อนไข และ ข้อตกลงการให้บริการ
8. การติดต่อระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการ
การติดต่อระหว่างผู้ให้บริการ กับผู้ใช้บริการ จะใช้การติดต่อสื่อสารทางอีเมล์ และการแจ้งข้อมูลผ่านพื้นที่ข่าวสารในระบบการจัดการเว็บไซต์เป็นหลัก โดยผู้ใช้บริการท่านใดมีปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับบริการสามารถส่งอีเมล์ มาได้ที่ traincom@ar.co.th อย่างไรก็ตาม การติดต่อระหว่างผู้ให้บริการ กับผู้ใช้บริการ อาจจะมีรูปแบบเฉพาะเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับความตกลงระหว่างกัน
9. การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ
ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ดัดแปลง ระงับ ยกเลิกเนื้อหาในเว็บไซต์ หรือบริการทั้งหมดหรือบางส่วนได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดแก่ผู้ใช้บริการ หรือบุคคลที่สาม อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ
10. กฎหมายที่ใช้บังคับ
ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการนี้ การตีความ และการระงับข้อพิพาทที่เกิดจากข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการนี้ จะอยู่ภายใต้กฎหมายไทย และเขตอำนาจของศาลไทย โดยไม่พิจารณาถึงหลักกฎหมายขัดกัน